ตั้งแต่กำพร้าพ่อปีที่แล้ว อิงกาญจน์ ก็ถูกแม่กับยายนัดหมายดูตัวจับคู่ให้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ล่าสุดน่ะเหรอ...ยิ่งแย่กว่าที่ผ่านมา นำทัพ เป็นผู้ชายแบบที่เธอยี้ ขอแบะปากใส่รัวๆ ทั้งกะล่อน เจ้าชู้ และโปรยเสน่ห์ได้ทุกสถานการณ์ นำทัพปรากฏตัวที่โรงพยาบาลซึ่งเธอทำงานอยู่บ่อยเกินไป บ่อยราวกับว่าเขาเป็นคนป่วยเรื้อรังทั้งที่เขาก็ดูสมบูรณ์แข็งแรงดี
ก็เพราะเขาโผล่หน้ามาให้เจอทุกวันนี่ไง เธอถึงได้ประมาท!
ประมวลกฎหมายได้ให้ความหมายของคำว่า ‘ประมาท’ เอาไว้ว่าเป็นการกระทำโดยมิใช่เจตนา แต่ปราศจากความระมัดระวัง...
และเพราะความประมาทของเธอนี่แหละ ทำให้พลาดไปรักเขา...
“มาหาหมอเหรอคะ”
“ครับ มาหาหมอเอย”
หมอเอย? ก็เธอน่ะสิ นี่สรุปว่าอีตานี่มาดักรอเธอจริงๆ น่ะเหรอ อย่าบอกนะว่าเขาจริงจังกับเรื่องที่ผู้ใหญ่ของทั้งคู่นัดดูตัวน่ะ ไม่ๆๆ เรื่องนี้เธอไม่เอาด้วยแน่นอน
“มาหาฉัน? มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” นี่ถ้าเขาบอกว่ามาเพราะคิดถึง หรือใช้คำพูดเลี่ยนๆ น้ำเน่าๆ อะไรเทือกนั้นละก็ เธอจะค้อนเขาให้ตาหลุดเลยเอาสิ
“จะมาชวนคุณไปกินข้าว ก็...วันนั้นที่คุณบอกว่าอยากกินพวกซกเล็ก ลาบ ก้อยอะไรแบบนั้นไง”
“ฉันไม่กินของพวกนั้นตอนเช้าแบบนี้หรอกค่ะ”
“ผมก็ไม่ได้จะชวนคุณไปกินตอนนี้เสียหน่อย” นำทัพระบายรอยยิ้ม ไม่อนาทรต่อประโยคที่ดูเหมือนจะเป็นคำปฏิเสธของอิงกาญจน์ “ผมมาชวนไปกินมื้อกลางวันต่างหาก”
“แล้วมาตั้งแต่เช้าเนี่ยนะ”
“มารอคุณไง”
อิงกาญจน์มองหน้าชายหนุ่มเหมือนเห็นคนบ้า นี่เขายังสติดีอยู่หรือเปล่าที่คิดจะมารอเธอตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อไปกินอาหารเที่ยงน่ะ ว่างงานนักหรือไง
“รอ? คุณไม่มีงานมีการทำหรือไงคะ” อิงกาญจน์ยกมือขึ้นกอดอก เอียงคอมองเขาด้วยสายตากล่าวหาอย่างเปิดเผย
“มีสิครับ” วันนั้นที่เจอกันก็เล่าไปแล้วนี่ว่าเขาทำงานนอกเครื่องแบบ “วันนี้ผมตั้งใจว่าจะมาทำงานที่นี่ ที่ห้องทำงานของคุณน่ะ”
“จะบ้าหรือไงคุณ”