การถูกจับคลุมถุงชนเสมือนจุดเริ่มต้นแห่งความเย็นชา ดิษย์ ชนานันท์ สาดซัดความเมินเฉยใส่เมียแสนชังอย่าง มาธวี อย่างเลือดเย็น
จากเด็กในบ้านถูกเลื่อนฐานะมาเป็นภรรยาและแม่ของลูกโดยที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามอง เพราะความเคลือบแคลงใจบางอย่าง หญิงสาวหวังลมๆ แล้งๆ ว่าลูกสาวตัวน้อยในวัยน่ารักจะเป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจ ดิษย์รักลูกนั้นเธอไม่ขัดข้อง แต่การทลายกำแพงหัวใจของเขาช่างยากเย็นเหลือเกิน!
“ไม่! กุ๊กไม่กลับ พี่พันใจร้าย ทำไมถึงใจร้ายกับกุ๊กนัก ฮึก”
“ใช่ ฉันใจร้าย! เพราะฉะนั้นไสหัวของเธอไปซะ”
“ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ลาก่อนค่ะ”
นิ่งอยู่อึดใจเสียงหวานถึงเอ่ยมันออกมา ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้น นัยน์ตาหวานที่ปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองไปยังตาคมของร่างสูงตรงหน้าก่อนจะเดินผ่านร่างนั้นไป เท้าบางจุ่มลงไปในน้ำและเดินลงไปจนถึงเอว
“มาธวี นั่นเธอจะทำอะไร”
ดิษย์มองตามร่างบางของคนที่บอกลา ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อแม่ตัวดีเดินลงน้ำทะเลดำมืดหน้าตาเฉย
“มาธวี! มาธวี ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ขึ้นมา!”
“คิดจะทำบ้าอะไรหา!”
“ปล่อย! กุ๊กบอกให้ปล่อย อยากให้กุ๊กไปไม่ใช่หรือไง นี่ไง! กุ๊กกำลังจะไปอย่างที่พี่ต้องการ แล้วจะมาห้ามมาเรียกอีกทำไม”
สองมือของหญิงสาวทุบไปบนอกแกร่งโดยที่คนตัวโตไม่คิดจะปัดป้อง ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเองว่าการที่เห็นคนตรงหน้าเดินลงทะเลหัวใจของเขาหล่นวูบ
“อย่าคิดทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีก” เสียงเข้มดุออกไปโดยจ้องหน้าหวานอย่างกดดัน แล้วก็ต้องแอบยกยิ้มเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าเงียบ ไม่ปริปากเถียงอย่างที่ชอบทำ ร่างสูงก้มตัวลงช้อนร่างบางขึ้นอุ้มพาเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ด้วยสายตาที่ใช้มองทาง ไม่ได้เหลือบมองร่างบางในอ้อมแขน ทำให้นายหัวหนุ่มพลาดอย่างหนัก เพราะคนที่ตนคิดว่ากำลังอยู่ในช่วงโศกเศร้ากำลังยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
‘ชิ! ต่อให้เก่งและใจแข็งแค่ไหน ก็แพ้มารยาหญิงอยู่วันยังค่ำนั่นละ’