เพราะเงิน...ทำให้ แสงเทียน จำเป็นต้องกล้ำกลืนศักดิ์ศรียอมรับเงินก้อนโตโดยไม่มีข้อโต้แย้ง จากนั้นหล่อนถึงได้รู้ว่า ความร้ายกาจ การดูถูก และกดขี่ข่มเหงต่างๆ นานาที่ พระพาย กระทำต่อหล่อนนั้นก็เพราะเขามองหล่อนเป็น เหยื่อ
แม้ความรักที่หญิงสาวมอบให้เป็นของจริง แต่สิ่งตอบแทนที่ได้รับมาเป็นเพียงแค่สถานะ ‘เบี้ย’ ตัวหนึ่งที่เธอไม่ควรลืมเลยว่า เธอเป็น ‘เมีย’ ที่คนใจหินจ่ายเงินซื้อมา พอหมดประโยชน์ก็กลายเป็นแค่ของไร้ค่าที่ต้องจำกัดทิ้ง!
“เธอรู้ไหมว่าการดูแลฉันต้องทำยังไงบ้าง คุณแม่ได้บอกเธอหรือเปล่าก่อนจะเซ็นสัญญาอะไรนั่นน่ะ ว่าเธอต้องทำอะไร”
“ทำตามที่คุณพระพายต้องการค่ะ”
ดูแลคนป่วยเจ้าอารมณ์...ทำตามที่เขาต้องการทุกอย่างก็พอ
“ฉันไม่ได้ต้องการ” พระพายตอบ “แต่คุณแม่ของฉันต่างหากต้องการ”
แสงเทียนมองใบหน้าหล่อเหลาที่หันข้างให้เธอ ซึ่งบางครั้งก็ทำเหมือนมองตรงมายังเธอ แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เห็นเธอ และไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงไหน แล้วเอ่ยแย้งเขาไปว่า
“แต่คุณมองไม่เห็น บางทีการมีคนช่วยเหลือจะดีกว่านะคะ”
“เธอคิดว่าคุณแม่ฉันต้องการให้เธอมาช่วยอะไรฉันกันแน่”
คราวนี้พระพายถามอย่างเย็นชา แต่ริมฝีปากกลับเผยรอยยิ้มเยาะหยันที่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนโดนรังเกียจอย่างถึงที่สุด
แสงเทียนไม่ตอบเขา เธอคิดว่ามันเหมือนการพูดซ้ำไปมาวนในอ่าง เขาเลยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะหยันว่า
“ไม่เอาน่าเทียน เธอโตแล้ว ฉันว่าเธอเดาได้แล้วละ ไม่ต้องให้ฉันพูดออกมาตรงๆ หรอกใช่ไหมว่าเขาให้เธอ ‘ช่วย’ อะไรคนตาบอดอย่างฉัน”
เขาเน้นคำว่า ‘ช่วย’ อย่างผิดปกติ และก่อนที่แสงเทียนจะทันฉุกใจคิดอะไร ชายหนุ่มก็กวักมือเหมือนจะเรียกให้เธอเข้าไปหา แล้วออกคำสั่งอย่างหยาบคายว่า
“ถ้าเธอยืนยันว่าจะทำตามที่ท่านต้องการ ก็ถอดเสื้อผ้าแล้วเข้ามาหาฉันสิ ถึงฉันจะตาบอด แต่ร่างกายของฉันไม่ได้พิการ มันยังคงใช้การได้อยู่ ถ้าเผื่อเธอจะไม่รู้”
“คุณ!”