ถ้าจะให้สิงห์ร้ายแห่งไร่ภูพญาอย่าง สีหราช พัฒนามนตรี ผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง ยอมขายไร่อันเป็นที่รักของเขาให้กับ บุญฑริก ก็เห็นจะเป็นไปได้ยาก เพราะชายหนุ่มไล่ตะเพิดเจ้าหล่อนไปแบบไม่ไว้หน้าตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน นี่เธอคงยังไม่รู้ว่าไร่ภูพญาอันเป็นที่เลื่องลือในความสวยงามนั้นเป็นแหล่งกบดานของพญาสิงห์ขี้หงุดหงิด หญิงสาวถึงได้ใจกล้าคิดจะเอาเสน่ห์ของสตรีเพศมาหลอกล่อแล้วโน้มน้าวเขาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยลืมคิดไปว่า การเข้ามาในถ้ำเสือแห่งนี้ เธออาจจะถูกเสือโหยขย้ำเสียก่อนที่จะได้โปรยเสน่ห์ก็เป็นได้!
“ทำไมยังตัวสั่นอยู่” อีกคนก็เซ้าซี้สอบถามคนในวงแขน เธอน่าจะหายหนาวยามถูกเขากอดไว้ ทว่ากลับหวั่นไหวจนสั่นสะท้าน คราวนี้ไม่ใช่เพราะอากาศเย็น แต่เป็นเพราะความใกล้ชิดและบรรยากาศที่ชวนให้เพลี่ยงพล้ำ
“มะ...มะ...ไม่รู้สิ”
“ยังหนาวอยู่อีกเหรอ”
คนตัวเล็กพยักหน้าตอบมั่วๆ ไปก่อนเพราะไม่มีสมาธินัก ส่วนคนตัวโตก็ได้แต่กลั้นยิ้ม พอจะเข้าใจความหวาดหวั่นของสาวน้อยอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยากกลั่นแกล้งด้วยความเอ็นดู จึงยิ่งกระซิบเสียงกระเส่า
“ออกกำลังสักนิดดีไหม จะได้หายหนาว”
“ออกกำลัง?” สาวน้อยอุทานเสียงหลง ออกกำลังอะไรกันตอนมืดค่ำป่านนี้! ยิ่งคิดก็ยิ่งงง
“ใช่! ออกกำลัง ก็...กิจกรรมเข้าจังหวะไง” เสียงกระซิบตอนท้ายยิ่งแผ่วพร่า แถมยังมีลมหายใจอุ่นๆ ลอยมาปะทะข้างแก้มเป็นระยะๆ อีกด้วย
บุณฑริกเบิกตากว้างเมื่อถูกชวนไปทำ ‘กิจกรรมเข้าจังหวะ’ เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้จักศัพท์สแลงที่ใช้แทนความหมายของกิจกรรมแบบนั้นของหนุ่มสาวสมัยนี้เสียหน่อย มือเล็กจึงทุบอกกว้างของคนที่กกกอดตนเองอยู่เป็นพัลวัน
“อีตาบ้า! ลามกที่สุด!”